แทนที่ข้อความนี้ด้วยข้อความ'มีอะไรใหม่
อ่านเพิ่มเติม - แทนที่ข้อความนี้ด้วยข้อความมีอะไรใหม่ อ่านเพิ่มเติมเราอยู่ในโลกที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างแท้จริง ตั้งแต่การละลายของผืนน้ำแข็งไปจนถึงไฟป่าที่รุนแรง ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไปว่ามลพิษจากคาร์บอนไดออกไซต์ที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ส่งผลกระทบต่อโลกที่แสนบอบบางของเรา หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ตัดสินแล้วว่า ภาวะโลกร้อนนั้นมีอยู่จริงและส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลกแล้ว ตอนนี้คำถามคือ “เราจะทำอะไรได้บ้างในเรื่องนี้?”
Read More
ในแต่ละปีที่ผ่านไป เราเห็นรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงของหยาดน้ำฟ้า รวมถึงเหตุการณ์ฝนตกหนักที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งในอาร์กติก การเปลี่ยนแปลงในฤดูการเติบโตทางเกษตรกรรม และระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นและการเป็นกรดของมหาสมุทร การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้บางอย่างในสภาพภูมิอากาศของเราเราจะมีผลกระทบทางระบบนิเวศและสังคมอย่างมาก การประชดที่โหดร้ายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือว่าผู้คนในโลกที่กำลังพัฒนา ซึ่งสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้น้อยที่สุด จะจ่ายราคาที่สูงที่สุดเป็นเวลา 200 ปีของการพัฒนาอุตสาหกรรมและมลพิษจากโลกที่พัฒนาแล้ว เป็นเป็นปัญหาที่แท้จริงของความเป็นธรรมทางภูมิอากาศ
มันเป็นเรื่องเร่งด่วนมากขึ้นกว่าเคยที่เราจะต้องดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก–และทำมันในวิธีที่เป็นการแบ่งปันภาระและความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในบรรดาชาติต่างๆ ของโลกอย่างเที่ยงธรรม ในท้ายสุด เราจะต้องตัดการเชื่อมโยงระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาจากการสกัดทรัพยากรธรรมชาติและการใช้จนหมดสิ้น
ไม่มีการซ่อมแซมที่รวดเร็วเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่เรารู้ว่าเราจำเป็นต้องทำ เราต้อง:
เมื่อฤดูร้อนมาเยือนประเทศไทยในแต่ละปี ก็จะมีสถิติใหม่ของระดับของอุณหภูมิที่ได้ทำลายสถิติของแต่ละปีก่อนหน้าลง
จากสถิติที่ตรวจวัดระดับอุณหภูมิในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา 9 ปีที่มีสถิติร้อนที่สุดนั้นเกินขึ้นตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบัน ก่อให้เกิดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความร้อน ได้แก่ คลื่นความร้อนที่รุนแรง มหันตภัยแล้ง และระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ IPCC คาดการณ์ไว้ว่าในอนาคตอันใกล้ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 0.5-1 เมตร ระดับน้ำทะเลอาจมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นกว่าระดับเฉลี่ยของโลกอีก 15-20% ส่งผลกระทบต่อเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ทะเล และในรายการนี้ก็มี “กรุงเทพมหานคร” รวมอยู่ด้วย
Read More
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นต้องตรงกันว่าปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นของมลพิษในอากาศที่เกิดจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นสาเหตุหลักของอุณหภูมิที่ร้อนและรุนแรงขึ้นในทุกปี โดยธนาคารโลกได้จัดอันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศมากเป็นอันดับที่ 5 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และสูงเป็นอันดับที่ 22 ของโลก ในตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อให้ทันกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเติบโตของประเทศทำให้ภาคพลังงานเป็นภาคที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุด เฉพาะกรุงเทพมหานคร ในปี 2558 มีปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูงถึง 31 ล้านตัน!
ในวันที่ 12 ธันวาคม 2558 กว่า 190 ประเทศทั่วโลกได้ร่วมลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ้นสุดยุคสมัยของการใช้พลังงานจากถ่านหิน และภารกิจนั้นก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว พวกเราต้องร่วมกันส่งเสียงสะท้อนและกดดันไปยังบรรดาผู้นำของโลกเพื่อก้าวข้ามไปสู่ยุคสมัยแห่งการใช้พลังงานสะอาดโดยสมบูรณ์ และเปลี่ยนแปลงสู่โลกอนาคตสีเขียวและสะอาดสดชื่นตามจุดมุ่งหมาย ร่วมเป็นหนึ่งในหลายล้านเสียงทั่วโลกและเรียกร้องให้เกิดการปฏิบัติการเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Climate action) และร่วมลงชื่อในคำร้องวันนี้!
ระหว่างที่การต่อสู้เพื่อช่วยโลกดำเนินอยู่นั้น ในกรุงเทพฯ นี้เอง ก็ยังมีวิธีการที่เราสามารถทำได้เพื่อให้รู้สึกเย็นสบายขึ้นและรู้สึกสดชื่นมากขึ้นจากอากาศที่บริสุทธิ์มากขึ้น นั่นคือ การเพิ่มจำนวนต้นไม้ใหญ่ ซึ่งไม่เพียงแต่ให้ร่มเงากับเราแต่พวกมันยังทำหน้าที่เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ และมลพิษอื่น ๆ รอบตัวเรา แค่ต้นไม้เพียงต้นเดียวก็สามารถกรองคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 48 ปอนด์ต่อปี!
องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้กำหนดมาตรฐานพื้นที่สีเขียวในพื้นที่เมืองในสัดส่วนต่อจำนวนประชาการที่ 9 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัวลาลัมเปอร์ที่มีอัตราส่วนพื้นที่สีเขียวที่ 12 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คน และสิงคโปร์ที่มีสัดส่วนพื้นที่สีเขียวที่ 66 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คน พบว่า กรุงเทพฯ มีสัดส่วนพื้นที่สีเขียวแค่ 3 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คน เท่านั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลน่าแปลกใจว่าทำไมจึงรู้สึกว่าอากาศร้อนมากจนแทบจะละลายเมื่ออยู่ในกรุงเทพฯ ในช่วงฤดูร้อน
Read More
เบน แอนด์ เจอร์รีส (Ben & Jerry’s) ได้ร่วมมือกับ บิ๊ก ทรีส์ (BIG Trees) ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ร่วมกันก่อตั้ง “เครือข่ายต้นไม้ในเมือง” พวกเขาเพียงแค่ต้องการให้กรุงเทพฯ ร่มรื่นโดยการดูแลต้นไม้อย่างถูกวิธี พวกเขาจึงชักชวนผู้คนทั่วไปให้ร่วมเป็นสายตรวจต้นไม้ (Tree Ranger) เพื่อที่ว่าพวกเราจะได้สามารถช่วยเหลือบุคลากรของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่นและเป็นไปตามวิถีการเติบโตของต้นไม้
ทีมงาน BIG Trees จะสอนเราเพื่อให้เราได้รู้จักต้นไม้ใหญ่มากขึ้นและสอนถึงวิธีการดูแลต้นไม้ (ใหญ่) อย่างถูกต้อง เพราะต้นไม้ก็เป็นสิ่งมีชีวิต (เช่นเดียวกันกับเรา) ในกรุงเทพมหานคร เราอาจจะเห็นพวกกิ่งก้านของพวกมันมักจะถูกตัดออกเสมอ ซึ่งการตัดกิ่งเหล่านั้นเป็นการทำลายแหล่งสะสมพลังงานและรวมทั้งทำลายหน้าที่ใช้สอย ในส่วนต่างๆ แต่การตัดต้นไม้ใหญ่ไม่ได้เป็นการตัดเพื่อโค่นลง แต่เป็นการตัดเพื่อตัดแต่งให้ต้นไม้มีชีวิตที่ยืนยาวต่อไป ดังนั้นจึงจำเป็นที่เราต้องรู้จักระบบการดำรงชีวิตและการทำงานของต้นไม้เหล่านี้
ร่วมดับร้อนให้กรุงเทพฯ กับ Ben & Jerry’s และ BIG Trees โดยการเป็น “สายตรวจต้นไม้ (Tree Ranger)” และมาเจอกับพวกเราได้ในกิจกรรมแจกไอศกรีมฟรีทั่วกรุงเทพ! ติดตามข่าวสารได้ที่ www.facebook.com/BIGTreesProject
ขอขอบคุณประชาชนจากทั่วโลกมากกว่า 3.5 ล้านคนที่ได้ร่วมลงชื่อในฎีกา Avaaz ที่ช่วยกระตุ้นเตือนให้ผู้นำระดับโลกจัดการกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในการประชุมเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ (COP21) ซึ่ง 196 ประเทศได้ร่วมลงชื่อในข้อตกลง ณ กรุงปารีส โดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส
และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเริ่มต้นลงมือทำ เราต้องสร้างความกดดันอย่างต่อเนื่องให้ผู้นำระดับโลกของเราเร่งดำเนินการเพื่อเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด 100% โดยเร็ว และบรรลุเป้าหมายซึ่งเป็นความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะทำให้เรามีอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและสะอาดยิ่งขึ้น ร่วมออกเสียงของคุณพร้อมกับผู้คนหลายล้านคนเหล่านี้เพื่อเรียกร้องให้มีการดำเนินการเรื่องสภาพภูมิอากาศ โดยการลงชื่อในฎีกาวันนี้!
เพียงโพสต์รูปคู่กับต้นไมพร้อมติด #treeranger และมาเจอกับพวกเราในกิจกรรมแจกไอศกรีมใต้ต้นไม้ใหญ่ได้ทุกเดือน ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ www.facebook.com/bigtreesproject
Avaaz เป็นการเคลื่อนไหวทางเว็บทั่วโลกที่นำเอาการเมืองที่ให้อำนาจคนเพื่อทำการตัดสินใจทุกที่
Big Tree Project Group, initially, consisted of Bangkokians who are concerned that the capital is rapidly becoming barren,void of green spaces. The group was formed in 2009 in reaction to the failed attempt to save a 50-year-old rain trees on Sukhumvit Soi 35 from being chopped down to make way for a business development. Instead of waiting for local or state authorities to take the lead, the group has been reaching out and engaging with both the public and private sector. The group's goal is to lay the groundwork to raise environmental awareness in Thai society, especially in tree conservation.
To achieve our goals, there is a need to change people's mindset like a Thai saying, "We must plant these trees in our hearts first" and think long-term because a sapling planted now will not bear fruit for decades to come. But these saplings still need to plant now for future generation. More info https://www.facebook.com/BIGTreesProject
แทนที่ข้อความนี้ด้วยข้อความ'มีอะไรใหม่
อ่านเพิ่มเติม - แทนที่ข้อความนี้ด้วยข้อความมีอะไรใหม่ อ่านเพิ่มเติม